Wednesday, September 3, 2014

ข้อมูลพื้นฐานประเทศบรูไน


ประเทศบรูไน


ประเทศบรูไน

ชื่อทางการ             : บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)
เมืองหลวง              : บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan)
ศาสนาประจำชาติ   : ศาสนาอิสลาม
ดอกไม้ประจำชาติ   : ดอกซิมปอร์ (Simpor) ดอกซิมปอร์มีปรากฏอยู่บนธนบัตร 1 ดอลลาร์บรูไนด้วย
วันชาติ                   : 23 กุมภาพันธ์
วันที่เป็นสมาชิกอาเซียน : 7 มกราคม พ.ศ.2527
ภาษาประจำชาติ     : ภาษามาเลย์ (Bahasa Melaysia)
ภาษาราชการ         : ภาษามาเลย์ (Bahasa Melaysia)


ลักษณะทางภูมิศาสตร์
          บรูไนมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บนเกาะบอร์เนียว ในทะเลจีนใต้


“ภูมิประเทศ”
          ประกอบด้วยพื้นที่สองส่วนที่ไม่ติดกัน โดยพื้นที่ด้านตะวันตก มีประชากร 97% ส่วนพื้นที่ด้านตะวันออกซึ่งเป็นภูเขา มีประชากรเพียง 10,000 คน สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทางด้านเหนือของบรูไน ติดกับทะเลจีนใต้ ส่วนพรมแดนทางบกที่เหลือทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยรัฐซาราวักประเทศมาเลเซีย

“ภูมิอากาศ”
          ภูมิอากาศเขตร้อน มีอุณหภูมิและความชื้นสูง และมีฝนตกชุกตลอดปี

ประชากร
          มีจำนวนประชากรประมาณ 401,890 คน ส่วนใหญ่มีเชื้อชาติมลายูรองลงมาคือ จีน และชาวพื้นเมือง

การเมืองการปกครอง
          ปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นทั้งประมุข นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พระมหากษัตริย์ของบรูไนจะต้องเป็นชาวบรูไนเชื้อสายมาเลย์โดยกำเนิดและนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ สำหรับพรรคการเมืองจะถูกจำกัดบทบาทอย่างมาก ปัจจุบันบรูไนแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 เขต คือบรูไน- มูอารา เบเลต ตูตง และเตมบูรง

เศรษฐกิจและทรัพยากรที่สำคัญ
          บรูไนเป็นประเทศร่ำรวย เพราะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอาเซียน และเป็นผลิตก๊าซธรรมชาติ LNG เป็นอันดับ 4 ของโลก สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ บรูไนยังมีอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่มีมาตรฐานการผลิตที่ถูกต้องตามบัญญัติของศาสนาอิสลาม ปัจจุบันบรูไนมีการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีความหลากหลาย โดยการส่งเสริมบทบาทของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม รวมทั้งเปิดเสรีด้านการค้า

ประวัติ
          *ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 บรูไนมีอำนาจและชื่อเสียงทางด้านการค้า และครอบครองอาณาเขตส่วนใหญ่ในเกาะบอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลุ
          *ต่อมาเมื่อสเปนและฮอลันดาแผ่อำนาจเข้ามาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บรูไนก็เสียดินแดนและเสื่อมอำนาจลง
          *ใน พ.ศ.2449 บรูไนได้ลงนามในสนธิสัญญายินยอมเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ เพราะเกรงว่าจะต้องเสียดินแดนไป และหลังจากนั้นไม่นานบรูไนก็สำรวจพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เมืองเซรีอา ทำให้บรูไนเป็นประเทศที่มีฐานะมั่งคั่ง
          *ใน พ.ศ.2505 พรรคประชาชนบอร์เนียวได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นจากการเลือกตั้ง แต่ถูกกีดกันไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล จึงมีความพยายามที่จะยึดอำนาจจากสุลต่านแต่ไม่สำเร็จ รัฐบาลของสุลต่านจึงประกาศกฎอัยการศึก โดยต่ออายุประกาศทุกๆ 2 ปี เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
          *บรูไนได้รับเอกราช เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 หลักจากอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษมานานถึง 95 ปี 


ชุดประจำชาติของประเทศบรูไน

          ชุดประจำชาติของบรูไนคล้ายกับชุดประจำชาติของผู้ชายประเทศมาเลเซีย เรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) ส่วนชุดของผู้หญิงเรียกว่า บาจูกุรุง (Baju Kurungแต่ผู้หญิงบรูไนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส โดยมากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ส่วนผู้ชายจะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงเข่า นุ่งกางเกงขายาวแล้วนุ่งโสร่ง เป็นการสะท้อนวัฒนธรรมสังคมแบบอนุรักษ์นิยม เพราะบรูไนเป็นประเทศมุสสิม จึงต้องแต่งกายมิดชิดและสุภาพเรียบร้อย

 
บาจู มลายู และบาจูกุรุง - ประเทศบรูไน

อาหาร

อัมบูยัต 

            อัมบูยัต (เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไนมีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊กโดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไม่มีรสชาติแต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่างหรือเนื้อทอด  ทั้งนี้ การรับประทานอัมบูยัตให้ได้รสชาติ ต้องรับประทานตอนร้อน ๆจึงจะดีที่สุด


สถานที่ท่องเที่ยว
1.เมืองบินบันดาร์ เสรี เบกาวัน

 

เมืองบินบันดาร์ เสรี เบกาวัน เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญของประเทศบรูไน
อยู่ในเขตการปกครองบรูไน-เมารา มีประชากรประมาณ 60,000 คน เดิมชื่อว่า เมืองบรูไน
ภายหลังเมื่อบรูไนพ้นจากการคุ้มครองของอังกฤษแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นบันดาร์เสรีเบกาวัน
ปัจจุบันกรุงบันดาเสรีเบกาวันเป็นศูนย์กลางการเงินธุรกิจการค้า และ
การอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งยังเป็นสถานที่ผลิตน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติด้วย
เมืองหลวงของบรูไนเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญของประเทศ เช่นพระราชวังหลวง
ศูนย์ประวัติศาสตร์บรูไนพิพิธภัณฑ์บรูไน สุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันออกคือ มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน
และ กัมปงเอเยอร์ หมู่บ้านดั้งเดิมของชาวบรูไนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำบรูไน


2.พิพิธภัณฑ์โรยัลเรกกาเลีย



พิพิธภัณฑ์โรยัลเรกกาเลีย พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการโหวตจากประเทศในอาเชี่ยนว่า
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าชมที่สุด เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของสุลต่านองค์ปัจจุบัน อาทิ เครื่องทรงทองคำ
ในวันขึ้นครองราชย์และเครื่องบรรณาการจากผู้นำประเทศต่าง ๆ ชมมงกุฏทองคำ บัลลังก์ทองคำ เครื่องทรงทองคำ
รวมทั้งเครื่องราชย์มากมายที่พระองค์ได้รับ


3.มัสยิดทองคำ Jame Ar’ Hassanil Bolkiah Mosque



มัสยิดทองคำ Jame Ar’ Hassanil Bolkiah Mosque มัสยิดที่สง่างาม
และศักดิ์สิทธิ์ของชาวบรูไน ที่ใช้งบประมาณในการสร้างมหาศาล โดยมีการนำเข้าวัสดุการก่อสร้างและตกแต่งจากทั่วทุกมุมโลก
ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 7 ปี มีห้องสวดมนต์ 2 ห้องแยกชายและหญิงบันไดทางขึ้นแต่ละชั้นจะมี 29 ขั้น
ห้องละหมาดด้านบนตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยพรมสีเหลืองทองดูสว่างไสว จากนั้นนำท่านชมมัสยิด โอมาร์ อาลี ไซฟูดติน
มัสยิดเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไนตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์ เสรีเบกาวัน มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนิน
การสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 ผู้ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน
และเป็นพระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน และมัสยินนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1958
มีความงดงามจนได้ชื่อว่า มินิทัชมาฮาล
บุคคลสำคัญ : บรูไน
brunei flagสมเด็จพระราชาธิปดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิชซัดดิน วัดเดาเลาะห์ (His Majesty Sultan Haji Hassanal Bolkiah Mu'izzaddin Waddaulah)
สมเด็จพระราชาธิปดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิชซัดดิน วัดเดาเลาะห์
สมเด็จพระราชาธิปดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิชซัดดิน วัดเดาเลาะห์
ทรงเป็นพระราชาธิปดีหรือสุลต่านองค์ปัจจุบันของบรูไน และยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย ซึ่งพระองค์ถือเป็นบุคคลสำคัญที่พลิกโฉมการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้บรูไนมีรายได้เพิ่มมหาศาล พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2510

No comments:

Post a Comment